Horo

วิธีขอพร คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกาผู้มีปาฏิหาริย์


วิธีขอพร คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกาผู้มีปาฏิหาริย์

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงในหมู่พุทธศาสนิกชน ด้วยชีวิตที่เปี่ยมด้วยเมตตา ความเสียสละ และการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ท่านไม่เพียงเป็นอุบาสิกาผู้บำเพ็ญเพียรจนเข้าถึงฌานขั้นสูง แต่ยังเป็นที่เล่าขานถึงปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์มาจนถึงปัจจุบัน

เราจะพาท่านไปย้อนรอยชีวประวัติของคุณแม่ผู้เป็นแบบอย่างของความศรัทธา และแนวทางในการขอพรที่ศรัทธาชนยังคงปฏิบัติต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

 

ชีวประวัติ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

คุณแม่บุญเรือน กลิ่นผกา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเมีย เวลา 11.20 น. ตรงกับวันที่ 4 มีนาคม พุทธศักราช 2437 ในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน โดยมีนายยิ้ม และนางสวน กลิ่นผกา เป็นบิดาและมารดา ท่านถือกำเนิดที่คลองสามวา อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร

 

เมื่อท่านยังเยาว์ บิดามารดาได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี บริเวณชุมชนชาวสวน ท่านเติบโตขึ้นด้วยความรักและการทะนุถนอมจากครอบครัว ได้รับการศึกษาให้สามารถอ่านออกเขียนได้พอสมควรตามสภาพของสตรีในยุคนั้น รวมถึงได้รับการอบรมด้านการงานบ้านเรือนเป็นอย่างดี ท่านมีฝีมือในการปรุงอาหารหลากหลายเมนู เช่น น้ำพริก แกง ต้ม และยังมีความสามารถในการตัดเย็บเสื้อผ้า เย็บจักรได้อย่างชำนาญ

 

เมื่ออายุประมาณ 15 ปี คุณแม่บุญเรือนได้เรียนรู้วิชาการนวดจากปู่ของท่าน คือ อาจารย์กลิ่น หมอนวดผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น ท่านสนใจฝึกฝนจนชำนาญ และกลายเป็นหมอนวดที่เป็นที่รู้จัก แต่ท่านไม่เคยเรียกรับค่ารักษาใด ๆ โดยผู้ที่มารับการรักษาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่อาจารย์กลิ่นแทน

 

ในช่วงวัยรุ่น ท่านได้รู้จักกับหลวงตาพริ้ง พระภิกษุแห่งวัดบางปะกอก ซึ่งเป็นลุงของท่าน ท่านจึงเริ่มไปทำบุญ ถวายอาหาร และได้รับการอบรมธรรมะอย่างสม่ำเสมอ เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง และกลายเป็นพื้นฐานของชีวิตนักบุญในเวลาต่อมา

 

ต่อมาท่านได้สมรสกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม นายตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข แม้จะไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ก็ได้อุปการะเด็กหญิงชายอยู่บ้าง ในระหว่างที่ใช้ชีวิตคู่ คุณแม่บุญเรือนยังประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อช่วยเหลือสามี และรับรักษาโรคด้วยการนวดแผนโบราณ โดยไม่เรียกรับค่าตอบแทน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นหมอตำแยช่วยทำคลอด ซึ่งทำให้ท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสมัยนั้น

 

ท่านมักไปวัดสัมพันธวงศ์เป็นประจำ ฟังธรรม ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน และเมื่อสามีของท่านได้อุปสมบทที่วัดดังกล่าวเป็นเวลา 1 พรรษา คุณแม่บุญเรือนก็มีโอกาสใกล้ชิดกับพระธรรมคำสอนมากขึ้น หลังจากสามีลาสิกขา ท่านจึงตัดสินใจบวชเป็นแม่ชี และปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ณ ศาลาวัดสัมพันธวงศ์

 

ด้วยความเพียรพยายามและความศรัทธาอย่างแน่วแน่ในการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน คุณแม่บุญเรือนได้บรรลุฌานขั้นสูง ได้แก่ จตุตถฌาน 4 ซึ่งเป็นรูปสมาบัติ และเชื่อกันว่าท่านยังสามารถบรรลุอรูปฌานได้ด้วยความชำนาญ จนสามารถเข้าสมาธิวิปัสสนาแม้ลืมตาอยู่ และไม่ต้องยึดอารมณ์จากรูปภายนอก ท่านมีอารมณ์ที่ตั้งมั่นอยู่ในอุเบกขา วางเฉยจากความโลภและกิเลสทั้งปวงอย่างแท้จริง

 

การบำเพ็ญธรรมของคุณบุญเรือนเป็นที่เคารพศรัทธาในหมู่ผู้ใกล้ชิด และผู้ที่มาศึกษาธรรมะ ท่านถือเป็นผู้ให้ ไม่ยึดติดในสิ่งของหรือทรัพย์สินใด ๆ แม้แต่ดอกไม้ ธูป เทียน หรือเงินทอง

 

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้ละสังขารในปี พุทธศักราช 2507 ทิ้งไว้เพียงคุณความดี และแบบอย่างของพุทธศาสนิกชนผู้สละชีวิตทางโลกเพื่อแสวงหาทางธรรมอย่างสมบูรณ์

 

ปาฏิหาริย์ของ คุณแม่บุญเรือน

เรื่องราวเกี่ยวกับคุณแม่บุญเรือนมีหลายเหตุการณ์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปาฏิหาริย์ เช่น การรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับผู้ที่มาขอความช่วยเหลือ โดยมีผู้เล่าถึงประสบการณ์ที่หายจากโรคร้ายหลังจากได้รับการอธิษฐานจากท่าน

 

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าถึงการที่คุณแม่บุญเรือนสามารถปรากฏตัวในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น การที่ท่านสามารถไปนั่งสมาธิในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ได้โดยที่ประตูยังคงปิดอยู่

 

วิธีการขอพร

มีคำกล่าวของคุณแม่ว่า “ใครเจอเรา คนนั้นโชคดี”

ผู้ที่ได้รู้จักเรื่องราวของท่าน และมีโอกาสขอพร มักประสบกับเหตุอัศจรรย์ที่สัมฤทธิผลจริงจนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเรื่อง การงาน การค้า โชคลาภ และสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มีศรัทธานิยมมาขอพรจากท่านเสมอ ซึ่งคุณแม่บุญเรือนเคยกล่าวกับลูกศิษย์ไว้ว่า

“ขอพรจากใครไม่ได้ ให้มาขอที่ฉัน”

 

หากต้องการเดินทางไปไหว้ด้วยตัวเอง สามารถไปได้ที่

 

วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันวงศ์ ย่านหัวลำโพง
เป็นวัดที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมได้มาฝึกหัดสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน

 

วัดอาวุธวิกสิตาราม จรัญสนิทวงศ์ 72 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
เป็นวัดที่คุณแม่เคยบำเพ็ญศีล ในสมัยที่คุณแม่บุญเรือนยังมีชีวิตอยู่

 

หรือหากไม่สะดวกเดินทางก็สามารถหาภาพถ่ายของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม แล้วขอพรจากภาพก็ได้ ซึ่งมีการกล่าวถึงภาพถ่ายของคุณแม่บุญเรือน ภาพที่ท่านนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาเอาไว้ว่า ภาพนี้คุณแม่ได้อธิษฐานไว้ ไม่ว่าจะอัดขยายภาพนี้กี่ครั้ง ก็จะเหมือนกับท่านมานั่งให้ถ่ายภาพด้วยตัวท่านเอง ซึ่งถ้าหากใครต้องการจะขอพรก็ให้มองที่ภาพของท่าน และสวดมนต์คาถาพระฉิมพลี ดังนี้

รูป คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

คาถาพระฉิมพลี

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะชาลีติฉิมพาลี จะ มหาเถโร
สุวรรณะมามา โภชนะมามา
วัตถุวัตถามามา พลาพลังมามา
โภคะมามา มหาลาโภมามา
สัพเพชะนา พหูชะนา ภวันตุเม

 

(จำนวนรอบให้สวดตามกำลังวันเกิด)

วันอาทิตย์ 6 จบ, วันจันทร์ 15 จบ, วันอังคาร 8 จบ, วันพุธ 17 จบ, วันพฤหัสบดี 19 จบ, วันศุกร์ 21 จบ, วันเสาร์ 10 จบ

 

จากนั้นก็ขอพร การขอพรจะไม่เกินกรรมของตัวเอง

หรือถ้าใครอยากบูชาวัตถุมงคลที่คุณแม่บุญเรือนเคยอธิษฐานจิตเอาไว้ ก็จะมี พระพุทโธน้อย ที่สามารถหาเช่ามาบูชาได้ แต่จะมีราคาค่อนข้างสูง และต้องระวังพระเก๊ พระปลอมด้วย ถ้าหากไม่มีทุนทรัพย์ หรือไม่ได้อยากเช่าพระ ท่านก็แค่มีภาพถ่ายนี้ แล้วสวดมนต์ขอพรจากคุณแม่ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

 


 

คำแปลคาถาพระฉิมพลี

ขอน้อมระลึกถึง นะ ชา ลิ ติ และพระมหาเถระฉิมพาลี
ขอให้ทองคำจงมา ขอให้อาหารจงมา
ขอให้ข้าวของ และทรัพย์สินจงมา ขอให้พละกำลังจงมา
ขอให้โชคลาภจงมา ขอให้มหาลาภจงมา
ขอให้ผู้คนทั้งหลายจำนวนมากมาสนับสนุนข้าพเจ้า

 

#คุณแม่บุญเรือน #วิธีขอพร #ปาฏิหาริย์ของคุณแม่บุญเรือน

 

คุณอาจสนใจเรื่องนี้!

© 2025 GOTWOGETHER     About | Contact
 
Powered by: Wordpress